|
เปรียบกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม | |
ในการเลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มทุกวันนี้ เราเลือกเพราะอะไร? ขอย้ำว่านี่คือ “น้ำยาปรับผ้านุ่ม” เท่าที่จำความได้กับน้ำยาปรับผ้านุ่ม เดิมทีคนทั่วไปยังใช้บ้างไม่ใช้บ้าง ยุคที่โฆษณาเน้นทางโทรทัศน์ (TVC) หนังโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่มส่วนใหญ่ ยังไงก็ต้องได้เห็นผ้าขนหนูนุ่มเด้ง หรือไม่ก็เป็นผ้าเบาบางปลิวพลิ้วไหว และต่อมาก็จะมีแนวเปรียบเทียบสีเสื้อสองตัวที่สดใสต่างกัน เพราะในช่วงนั้นต้องการให้คนเข้าใจถึงคุณสมบัติโดยตรงที่มี คือทำให้ ผ้านุ่ม ลื่น รักษาเนื้อผ้า และรักษาสีของผ้า ที่รวม ๆ แล้วก็มีประโยชน์หลายด้านอยู่ทีเดียวโดยทั่วไปแล้วน้ำยาปรับผ้านุ่มจะมีสารที่มาเคลือบเส้นใยลดการพันกันของเส้นใยขนาดเล็กของเนื้อผ้า อันทำให้เกิดการดึงกันจนผ้ากระด้าง ตึงตัวและมีส่วนทำให้สีหม่นไม่เสมอกัน หรือสารบางตัวก็ช่วยลดไฟฟ้าสถิตได้ ขึ้นอยู่กับสูตรและส่วนผสมของแต่ละยี่ห้อ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากคุณสมบัติของผงซักฟอกหรือกระบวนการซัก ปรับผ้านุ่ม แต่ไม่ได้สนใจความนุ่มปัจจุบันหากถามว่าเราเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มจากอะไร ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเลือกจาก ความหอม ส่วนใหญ่ และที่เหลือก็จะตัดสินใจด้วย ราคา ส่วนตัดสินใจเพราะคุณสมบัติเสริมอื่น ๆ นั้น คงเป็นส่วนน้อย ซึ่งไม่มีผิดถูกใดในการเลือกใช้ เพราะเป็นเรื่องความพึงพอใจส่วนตัว เพียงแต่เมื่อคิดทบทวน ย้อนมองและเปรียบเทียบ ก็พบแง่คิดในมุมที่ว่า คนเราเมื่อได้สิ่งหนึ่งจนเคยชิน สิ่งนั้นจะเริ่มไม่มีความหมาย เหมือนเรื่องนี้ จากเดิมที่เราแค่เพียงอยากให้ผ้าสะอาดจากการซัก เมื่อมันสะอาด เราก็อยากคืนความนุ่มให้มัน จนจุดหนึ่งความนุ่มก็เป็นพื้นฐานที่ไม่ต้องใส่ใจแล้ว กลายเป็นความหอมที่เราต้องการแทนที่ แล้วเปลี่ยนเป็นความเคยชินให้หลายคนรู้สึกว่า ถ้าหอมคือสะอาด ถ้าซักผ้าแล้วไม่มีกลิ่นหรือมีเพียงกลิ่นผงซักฟอกจาง ๆ ไม่อาจทำให้พึงพอใจได้อีกต่อไป และ… ในขณะที่เสื้อบางตัวที่เรายังไม่ได้ซัก หากฉีดสเปรย์ดับกลิ่นหรือใส่น้ำหอมเข้าไป กลายเป็นรู้สึกดีขึ้นได้ ทั้งที่ยังไม่ได้ซัก นี่คือนิยามใหม่ของความสะอาดไปแล้ว pgslot คงพอคิดตามได้ว่า ค่านิยม และความรู้สึกบางประการพาเราไปสู่การกระทำที่ “ไม่ใช่เหตุผลแท้จริง” เราตอบสนองต่อบางสิ่งเพิ่มขึ้นบนความไม่จำเป็นไปเรื่อย ๆ ได้อีก เช่น แค่ผ้าหอมขึ้นก็ยังไม่พอ ต้องหอมในแบบที่ไม่ต้องดมก็ได้กลิ่น เรียกว่าหอมฟุ้งกระจายออกไป แล้วก็ยังไม่พอต้องหอมติดทนนาน พอเราเป็นเช่นนี้ เราก็จะซื้อสูตรเข้มข้นมาแล้วใช้ในปริมาณเดียวกันกับสูตรปกติ และเมื่อเราเคยชินกับกลิ่น(อยู่คนเดียว) เราก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยหอมได้อีก นี่คือตัวอย่างของการกระทำในแบบที่ มิใช่เพื่อได้สิ่งที่ดีกว่า แต่จ่ายออกไปคล้ายเพื่อสะใจในความรู้สึกเรา จึงเป็นเหตุผลให้คนที่ไม่ได้มองมุมนี้ หรือไม่ได้รู้สึกแบบนี้เลือกยี่ห้ออะไรก็ได้ ที่ขายถูกกว่า เพราะเขานั้นมองว่าก็แค่ “ปรับผ้านุ่ม” ที่มันก็หอมประมาณหนึ่งพออยู่แล้ว… ความเป็นจริงคงไม่มีใครเดือดร้อน เสียหายอะไรนักหนาแค่เรื่องน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือสุดท้ายเป้าหมายคือ “น้ำยาปรับผ้าหอม” ก็ตาม แต่หากเป็นบางเรื่องในชีวิต อาจมีที่เราหลงไป ลืมไป ไหลไป ได้จนเคยชิน จนลืมตัว ก็แค่อยากให้ทบทวนสักนิดว่า กับบางสิ่งเราลืมไปหรือเปล่า ว่าเราเคยพอใจมันแค่ไหน หรือเปรียบกับเรื่องนี้บนคำถามที่ว่า ต้องหอมสักแค่ไหนกันเชียว?… | |
ผู้ตั้งกระทู้ mii (lelemimi888-at-gmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2023-06-21 09:54:31 |
Copyright © 2011 All Rights Reserved./Design By Nvprint_OHM |
Visitors : 144006 |